ประเทศไทยได้พิสูจน์ให้โลกเห็นอีกครั้งว่า ความมั่งคั่งของมรดกทางวัฒนธรรมไม่ใช่เพียงสมบัติทางจิตวิญญาณที่ตกทอดจากรุ่นสู่รุ่น แต่คือพลังที่สามารถต่อยอดเศรษฐกิจสร้างสรรค์อย่างจับต้องได้ กลายเป็นเสน่ห์ที่ Netflix มองเห็น และตัดสินใจทุ่มงบลงทุนกว่า 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 6,500 ล้านบาท) เพื่อสร้างสรรค์ผลงานในประเทศไทยอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2564
การลงทุนครั้งนี้ไม่ใช่แค่การสร้างภาพยนตร์หรือซีรีส์ แต่คือการปลุกซอฟต์พาวเวอร์ไทยให้ออกไปจับใจคนดูทั่วโลก ซึ่งผลลัพธ์ไม่เพียงสร้างออริจินอลคอนเทนต์กว่า 20 เรื่อง ที่มีถึง 15 เรื่องติดอันดับ Global Top 10 ที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษ ด้วยยอดการรับชมรวมกว่า 750 ล้านชั่วโมง แต่ยังสร้างการจ้างงานให้คนทำงานไทยกว่า 13,500 ตำแหน่ง สะท้อนว่าเสน่ห์ของไทยไม่ได้อยู่แค่เรื่องเล่า หากแต่ยังอยู่ที่โครงสร้างสนับสนุนที่รัฐบาลได้วางรากฐานไว้อย่างจริงจัง
รัฐพร้อมสร้างระบบนิเวศอุตสาหกรรมหนังไทยให้โลกจับตา
ทั้งนี้ รัฐบาลได้กำหนดทิศทางการพัฒนาอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ไว้อย่างชัดเจน โดยมุ่งหวังให้อุตสาหกรรมสร้างสรรค์เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ตั้งเป้าสร้างโอกาสการจ้างงานมากถึง 20 ล้านตำแหน่ง พร้อมสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 1.23 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 4 ล้านล้านบาท
มาตรการสำคัญที่สร้างแรงดึงดูดให้ไทยกลายเป็นหมุดหมายของอุตสาหกรรมภาพยนตร์โลก คือโครงการ Cash Rebate สูงสุด 30% สำหรับกองถ่ายต่างประเทศที่เข้ามาใช้ประเทศไทยเป็นสถานที่ผลิต ซึ่งนับเป็นสิทธิประโยชน์ที่ออกแบบมาอย่างชาญฉลาดเพื่อดึงดูดเงินลงทุนมหาศาลเข้าสู่ประเทศ โดยไม่เพียงมอบผลตอบแทนให้แก่ผู้สร้างภาพยนตร์เท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อเศรษฐกิจในวงกว้าง ครอบคลุมทั้งอุตสาหกรรมท่องเที่ยว โรงแรม การขนส่ง บริการอาหาร รวมไปถึงแรงงานท้องถิ่นที่มีโอกาสเข้ามามีส่วนร่วมในระดับสากล
ตัวเลขล่าสุดจากกรมการท่องเที่ยวสะท้อนชัดเจนว่า ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 (ม.ค.-มิ.ย.) มีภาพยนตร์ต่างประเทศเข้ามาถ่ายทำในประเทศไทยแล้วจำนวน 12 เรื่อง สร้างรายได้ 1,956 ล้านบาท และคาดว่าตลอดทั้งปีจะสร้างมูลค่ารวมสูงกว่า 4,900 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 50% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
สิทธิประโยชน์ดังกล่าวไม่ได้มีเพียงเรื่องการคืนเงินลงทุน แต่ยังประกอบด้วยมาตรการอื่นที่ทำให้ไทยเป็นจุดหมายที่ทั้งสะดวกและคุ้มค่า ไม่ว่าจะเป็น
- ##### การยกเว้นค่าธรรมเนียมสถานที่ถ่ายทำในสถานที่ราชการบางประเภท
- ##### การอำนวยความสะดวกแบบเบ็ดเสร็จผ่านระบบ One Stop Service ที่ช่วยลดความซับซ้อนของขั้นตอนการขออนุญาต
- ##### การเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยเข้าถึงแหล่งเงินทุนสนับสนุน
- ##### มาตรการส่งเสริมการเผยแพร่และจัดจำหน่ายผลงานในเวทีนานาชาติ
ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้ประเทศไทยไม่ได้เป็นเพียงสถานที่ถ่ายทำ แต่เป็นการสร้าง “ระบบนิเวศอุตสาหกรรมภาพยนตร์” ที่ตอบสนองต่อความต้องการของผู้สร้างภาพยนตร์ต่างชาติได้ครบถ้วน
Netflix จึงไม่ได้เพียงเลือกไทยเพราะความงามของภูมิประเทศหรือความน่าสนใจของวัฒนธรรม แต่เพราะประเทศไทยได้พิสูจน์ว่ามีความพร้อมทั้งในด้านทรัพยากรมนุษย์ ความยืดหยุ่นของมาตรการสนับสนุน และความจริงจังของนโยบายภาครัฐในการผลักดันซอฟต์พาวเวอร์ไทยให้เป็นขุมพลังทางเศรษฐกิจ ขณะที่คนไทยเองก็ได้รับประโยชน์โดยตรงจากโอกาสในการทำงานและการเรียนรู้มาตรฐานการผลิตระดับโลก พร้อมทั้งได้เห็นวัฒนธรรมของตนเองโลดแล่นบนเวทีโลกอย่างสง่างาม
“นี่ไม่ใช่แค่การลงทุนในหนัง แต่คือการลงทุนในความฝันของทั้งอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทย” และ THACCA-Thailand Creative Culture Agency ภายใต้การขับเคลื่อนของคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ พร้อมผลักดันอุตสาหกรรมวัฒนธรรมสร้างสรรค์ไทย ให้ไปไกลสู่ระดับสากลอย่างจริงจัง
ที่มา:
Netflix ทุ่ม 200 ล้านดอลลาร์ ปั้นไทยฮับคอนเทนต์เอเชีย. (20 สิงหาคม 2568). ประชาชาติธุรกิจ. https://www.prachachat.net/general/news-1868751
สำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (สำนักงาน ป.ย.ป.). (2025). คู่มือมาตรการสิทธิประโยชน์อุตสาหกรรมภาพยนตร์ ละคร และซีรีส์.
#THACCA #Netflix #SoftPower #CreativeCulture