OFOS การอบรมผู้ฝึกสอนกีฬามวยไทย ระดับ C-Licence รุ่นที่ 3/2568 จ.เชียงราย

THACCA-Thailand Creative Culture Agency โดยคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านกีฬา ร่วมกับ คณะกรรมการกีฬามวย การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมกันจัดโครงการ อบรมผู้ฝึกสอนกีฬามวยไทย ระดับ C-License รุ่นที่ 3/2568 จำนวน 49 คน เมื่อวันที่ 1-10 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา ณ โรงแรม The Space Hotel Airport จังหวัดเชียงราย

โดย นายณัฐพล อันตรเสน ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกีฬามวย มอบหมายให้ นายธีรวัฒน์ ศิลปอาชา ผู้อำนวยการกองส่งเสริมพัฒนากีฬามวย เป็นประธานในพิธีปิดและมอบประกาศนียบัตรให้แก่ผู้ผ่านการอบรมทั้ง 49 คน ตามหลักสูตรที่ผ่านการรับรองโดยคณะกรรมการกีฬามวย การกีฬาแห่งประเทศไทย โดยมี นายสงค์ศักย์ คำดีรุ่งริรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงาน กกท.ภาค 5 , ผู้อำนวยการสำนักงาน กกท.จ.เชียงราย , หัวหน้างานกำกับควบคุมกีฬามวย , คณะวิทยากร , พนักงานและผู้ช่วยปฏิบัติงาน กกท. เข้าร่วมงานอย่างพร้อมเพรียงกัน

ผู้ที่ผ่านการอบรม จะสามารถสมัครเข้าร่วมโครงการส่งออกครูมวยไทยไปต่างประเทศ หรือ โครงการ Muaythai for All ก็ได้ โดยผู้สนใจไปทำงานเป็นครูมวย , ผู้ฝึกสอนกีฬามวยไทย (trainer) ในค่ายมวยหรือยิมในต่างประเทศ จะต้องสมัครเข้ารับการทดสอบจากศูนย์ทดสอบฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาผู้ฝึกสอนมวยไทย ระดับ 1 ของสำนักงานคณะกรรมการกีฬามวย การกีฬาแห่งประเทศไทยที่มีอยู่ 5 ภาค ทั่วประเทศ ได้แก่ ชลบุรี สุพรรณบุรีนครราชสีมา สงขลา เชียงใหม่ เมื่อคัดเลือกผู้ฝึกสอนที่ผ่านการอบรมและทดสอบจากศูนย์ทดสอบสมรรถนะแล้วทั่วประเทศ ส่งไปทำงานในต่างประเทศโดยนายจ้างที่ต่างประเทศจะไปขอใบอนุญาตทำงานที่ถูกต้องตามกฎหมายของประเทศนั้นๆ (Work permit) ให้กับผู้ฝีกสอนได้สอนมวยไทยในต่างประเทศได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย และมีทูตแรงงานไทยในต่างประเทศ คอยคุ้มครองดูแลพิทักษ์สิทธิ์ให้กับครูมวยไทย/ผู้ฝึกสอนมวยไทย

ส่วนในกรณีที่ผู้ฝีกสอนมวยไทยไม่ได้อยากไปทำงานในต่างประเทศ สำนักงานคณะกรรมการกีฬามวย การกีฬาแห่งประเทศไทย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ก็จะส่งผู้ฝึกสอนไปทำหน้าที่สอนกีฬามวยไทยขั้นพื้นฐานฟรี ให้แก่ เยาวชน ประชาชน  ในโรงเรียน สถานศึกษา เรือนจำ/ทัณฑสถาน ค่ายมวยไทยอาชีพที่ผ่านการรับรองมาตรฐานค่ายมวยไทยอาชีพ และค่ายมวยที่ขึ้นทะเบียนถูกต้อง ในโครงการ “Muaythai for all” โดยผู้ฝึกสอนจะได้รับค่าตอบแทนรายเดือนๆละ 15,000 บาท ซึ่งโครงการฯดังกล่าวจะเป็นการสร้างงาน สร้างอาชีพ และสร้างรายได้ให้กับผู้ฝึกสอนมวยไทยอย่างยั่งยืนต่อไป